เรียนภาษาอังกฤษ เรื่อง Punctuations ตอนที่ 1

ถาม : Punctuation คืออะไร แบ่งออกเป็นกี่ชนิดอะไรบ้าง และแต่ละชนิดใช้ต่างกันอย่างไร จงบอกมา

ตอบ Punctuation แปลว่า “การใส่เครื่องหมายวรรคตอนในประโยค” ในภาษาอังกฤษการใช้เครื่องหมายวรรคตอนนั้นถือว่า มีความสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้เราสามารถเขียนข้อความได้ชัดเจนขึ้น อย่าลืมว่าเมื่อเราใช้เครื่องหมายวรรคตอนผิดที่ ความหมายอาจเปลี่ยนไปได้ ทั้งๆที่มิได้มีเจตนาจะให้เป็นเช่นนั้น ตัวอย่างเช่น

No price is too high. ไม่มีราคาใดที่จะสูงเกินไป

No, price is too high. ไม่เอา ราคาสูงเกินไป

หรือ

No rice is left in my plate ไม่มีข้าวเหลืออยู่ในจานของผมเลย

No, rice is left in my plate ไม่เอา จานของผมยังมีข้าวเหลืออยู่

(จากตัวอย่างที่ยกมาแสดงให้ดูนี้ เราจะเห็นแล้วว่า ประโยคที่ใส่ comma กับที่ไม่ใส่ comma มีความหมายต่างกันมาก เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ขอให้ตั้งใจศึกษาการใช้เครื่องหมายวรรคตอนให้ดี)

Punctuation ในภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็นชนิดใหญ่ๆ ได้ 2 ชนิดคือ

1. ชนิดที่อยู่ภายนอกประโยค เช่น .,?,!, etc.

2. ชนิดที่อยู่ภายในประโยค เช่น , , ; , :, -, etc.
เครื่องหมายวรรคตอนที่อยู่ภายนอกประโยค
(External Punctuation)

เครื่องหมายวรรคตอนที่อยู่ภายนอกประโยค (External หรือ End punctuation) เท่าที่ปรากฏเห็นและนิยมใช้กันมากเวลานี้มีอยู่ 6 เครื่องหมาย

. จุด full stop หรือ period

… triple dots (คือ จุด 3 จุด)

? เครื่องหมายคำถาม หรือ question mark

! เครื่องหมายอุทาน หรือ exclamation mark

“ “ เครื่องหมายคำพูด หรือ quotation mark

( ) เครื่องหมายวงเล็บ หรือ parentheses

แต่ละเครื่องหมายมีรายละเอียดของการใช้ดังต่อไปนี้

1. Full Stop (.)

เราใช้เครื่องหมาย full stop หรือ period ได้ในกรณีต่อไปนี้คือ
1) ใช้ full stop เมื่อจบประโยคคำกล่าว (statement) หรือจบประโยคคำสั่ง (Command) ขอร้อง (request) เช่น
คำกล่าว : He’s policeman. เขาเป็นตำรวจ
She won’t be here again. หล่อนจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว
คำสั่ง : Come on. มานี่ซิ
Don’t drink much whisky.
อย่าดื่มเหล้ามากน่ะ
ขอร้อง : Open the window, please. กรุณาเปิดหน้าต่างหน่อย

2) ใช้จุด full stop หลังอักษรย่อ (initials) และคำย่อ (contraction) เช่น อักษรย่อ ส่วนมากจะได้แก่อักษรต้นของแต่ละคำ เช่น
U.N. = United Nations
D.C. = District of Columbia
M.A. = Master of Arts

F.B.I. = Federal Bureau of Investigation
C.I.A. = Central Intelligence Agency
U.S.A. = United States of America
O.P.D. = Outsider Patient Department (แผนกผู้ป่วยนอก)

e.g. = exempli gratia (= for example = ตัวอย่างเช่น)
ข้อสังเกต : อักษรย่อบางคำอาจไม่ใช้จุด full stop ก็ได้เพื่อต้องการประหยัดเนื้อที่ และอักษรคำนั้นจะได้อ่านเสมือนเป็นคำๆ หนึ่งไปเลย เช่น
WHO = World Health Organization (องค์การอนามัยโลก)
OPEC = Organization of Petroleum Exporting Countries (องค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน)
UNESCO = United Nations Educaio¥n, Scientific and Cultural Organization
(องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ)
คำย่อ ส่วนมากอาจย่อมาจากอักษรตัวต้น หรืออาจเป็นอักษรตัวต้นกับตัวสุดท้าย หรือไม่ก็อาจเลือกเอาตัวอักษรที่เหมาะสมมาย่อ เช่น

จากอักษรตัวต้นกับตัวสุดท้าย
Mr. = Mister
PK. = Park
Yr. = Year
Dr. = Doctor
Jr. = Junior
hr. = Hour
จากอักษรตัวต้นๆ เพียงบางส่วน
Adj. = Adjective
Fri. = Friday

Hon. Honourable

Dip. in Ed. = Diploma in Education

Opp. = opposite

Pro. = Pronoun

Aug. = August

Univ. =University

etc. =et cetera

จากตัวอักษรตัวต้นและตัวสุดท้ายเพียงบางส่วน
Pvt. = private

bidg. = building

Rd. = road

Ltd. =Limited

Mkt. =market

St. =street

หมายเหตุ : คำย่อซึ่งเกิดจากอักษรตัวต้นและตัวสุดท้าย ของคำนามบางคำต่อไปนี้ อังกฤษถือว่าเป็นคำใหม่ไม่มีจุด แต่อเมริกันใช้จุด เช่น
อังกฤษ : Mr Dr Jr Rd

อเมริกัน : Mr. Dr. Jr. Rd.

3) ใช้จุด full stop แยกเวลาที่เป็นชั่วโมง กับ นาที ตลอดไป เช่น
2.30 a.m.
5.05 p.m.
6.15 a.m.
แต่ในอเมริกานิยมใช้ : (colon) เพื่อมิให้ไปสับสนกับจุดทศนิยม เช่น :-
2:30 a.m.

5:05 p.m.

6:15 a.m.
(เพราะคนอเมริกันเห็นว่า ถ้าเขียน 2.30 จะหมายถึง 2(1/2) (two and a half หรือ หมายถึง two point three oh)

4) ใช้จุด full stop บอกจำนวนเงินที่เป็นเศษ เช่น
$ 2.75 (2 dollars กับ 75 cents)

หมายเหตุ : บางประเทศในยุโรป เช่น ฝรั่งเศสใช้ comma (,) แทนจุด full stop เช่น F25,40 เป็นต้น