เรียนภาษาอังกฤษ เรื่อง Pronouns ตอนที่ 9

1. เป็นคำแทนนาม Student ที่อยู่ข้างหน้า

2. เป็นกรรมของกริยา Punished ในประโยคหลัง

3. เป็นคำเชื่อมประโยคหน้าหลังให้สัมพันธ์กัน

The singer whom I saw at Siam Square is Sayan Sanya.

นักร้องผู้ซึ่งผมได้พบที่สยามสแควร์คือคุณสายัณห์ สัญญา

คำว่า “Whom” ในประโยคนี้เป็น Relative Pronoun ทำหน้าที่ 2 อย่างคือ

1. เป็นคำแทนนาม singer ที่อยู่ข้างหน้า

2. เป็นกรรมของกริยา saw ในอนุประโยค

Whose (ผู้ซึ่ง…ของเขา) ใช้แทนนามที่เป็นบุคคล เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ของนามที่ตามหลัง และให้สังเกตไว้ด้วยว่าหลัง Whose ต้องมีนามเสมอ เช่น

Sanit is the boy whose father died in the war.

สนิทคือเด็กชายผู้ซึ่งบิดารของเขาได้เสียชีวิตในสงคราม

คำว่า “Whose” ในประโยคนี้เป็น Relative Pronoun ทำหน้าที่ 3 อย่างคือ

1. เป็นคำแทนนาม boy ที่อยู่ข้างหน้า

2. เป็นคำแสดงความเป็นเจ้าของของ father ที่ตามหลัง

3. เป็นคำเชื่อมข้อความของประโยคหน้าและหลังให้สัมพันธ์กัน

The girl whose mother has gone to Japan is my cousin.

เด็กหญิงผู้ซึ่งแม่ของเธอได้ไปประเทศญี่ปุ่นเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน

คำว่า “Whose” ในประโยคนี้เป็น Relative Pronoun ทำหน้าที่ 2 อย่างคือ

1. เป็นคำแทนนาม girl ที่อยู่ข้างหน้า

2. เป็นคำแสดงความเป็นเจ้าของ mother ที่ตามหลัง

Which (ที่,ซึ่ง) ใช้แทนนามที่เป็นสัตว์,สิ่งของ ทั้งในรูปที่เป็นประธานและกรรมได้ทั้งนั้น เช่น

The animal which has wings is a bird.

สัตว์ที่มีปีกนั้นคือบก

คำว่า “Which” ในประโยคนี้เป็น Relative Pronoun ทำหน้าที่ 2 อย่างคือ

1. เป็นคำแทนนาม animal ที่อยู่ข้างหน้า

2. เป็นประธานของประโยคหลังคือ has wings.

This is the ticket which I bought for you.

นี้คือตั๋วซึ่งผมได้ซื้อมาให้คุณ

คำว่า “Which” ในประโยคนี้เป็น Relative Pronoun ทำหน้าที่ 3 อย่างคือ

1. เป็นคำแทนนาม ticket ที่อยู่ข้างหน้า

2. เป็นกรรมของกริยา bought ในอนุประโยค

3. เป็นคำเชื่อมระหว่างประโยคหน้าและหลังให้สัมพันธ์กัน

What (อะไร,สิ่งที่) ใช้แทนนามที่เป็นสิ่งของ และนามที่ What ไปแทนนั้นจะไม่ปรากฏให้เห็นอยู่ข้างหน้า เหมือนประพันธ์สรรพนามตัวอื่น ทั้งนี้เพราะถูกละไว้ในฐานที่เข้าใจกันแล้ว เช่น

I know what is in the box.

ฉันรู้ว่าอะไรอยู่ในกล่องนี้

คำว่า “What” ในประโยคนี้เป็น Relative Pronoun ทำหน้าที่ 3 อย่างคือ

1. เป็นคำแทนนาม (คือ thing) ที่อยู่ข้างหน้าแต่ละไว้ในฐานที่เข้าใจแล้ว (Relative without antecedent)

2. เป็นประธานของกริยา is ในอนุประโยค

3. เป็นคำเชื่อมประโยคหน้าและประโยคหลังให้สัมพันธ์กัน

When (ที่,ซึ่ง) ใช้แทนนามที่เกี่ยวกับเวลา,วัน, เดือน, ปี เช่น

Sunday is the day when we don’t go to work.

วันอาทิตย์คือวันที่เราไม่ไปทำงาน

คำว่า “When” ในประโยคนี้เป็น Relative Pronoun ทำหน้าที่ 2 อย่างคือ

1. เป็นคำแทนนาม the day ที่อยู่ข้างหน้า

2. เป็นคำเชื่อมประโยคหน้าและหลังให้สัมพันธ์กัน

Why (ทำไม) ใช้แทนนามที่เป็นเหตุเป็นผล (ส่วนมากนิยมใช้แทน reason) เช่น

That’s the reason why I killed him.

นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผมจึงฆ่าเขา

คำว่า “why” ในประโยคนี้เป็น Relative Pronoun ทำหน้าที่ 2 อย่างคือ

1. เป็นคำแทนนาม Reason ที่อยู่ข้างหน้า

2. เป็นคำเชื่อมประโยคหน้าและหลังให้สัมพันธ์กัน

That (ที่,ซึ่ง) นักศึกษาทั้งหลายครับกระผม การนำเอา that มาใช้เป็น Relative Pronoun นั้นนับว่าเป็นเรื่องยุ่งยากสลับซับซ้อนพอสมควร ทั้งนี้เพราะเหตุว่า that เมื่อใช้อย่างประพันธ์สรรพนามแล้ว ใช้แทนได้กับทั้งคน,สัตว์ สิ่งของ, และสถานที่ ตรงนี้แหละจึงได้ก่อให้เกิดความยุ่งยากขึ้นมา ซึ่งผิดกับ Relative Pronoun ตัวอื่น อย่าไรก็ตาม เพื่อมิให้สับสนว่า กรณีเช่นไรจะใช้ that หรือไม่นั้น ก็ขอบอกให้ทราบว่า นามที่จะเอา that ไปใช้ทำหน้าที่เป็น Relative Pronoun ได้ นามตัวนั้นจะต้องเข้าหลักเกณฑ์ 4 ประการดังที่จะกล่าวต่อไปนี้ ข้อใดข้อหนึ่ง แล้วจึงจะใช้ that ได้ หากไม่เข้าหลักเกณฑ์ 4 ประการนี้แล้ว อย่าได้ใช้ that มาเป็นประพันธ์สรรพนามเชียวละ หลักเกณฑ์ 4 ประการนั้นได้แก่