เรียนภาษาอังกฤษเรื่อง การใช้ Must

Must เป็นกริยาจำพวก Anomalous Verb โดยแท้ ไม่มีรูป Infinitive, Participle เช่นกริยาธรรมดา ทั่วไป และไม่ต้องเติม s ถึงแม้ประธานจะเป็นบุรุษที่ 3 เอกพจน์ ซึ่งมีวิธีใช้ดังต่อไปนี้

1) ใช้เป็นกริยาที่แสดงคำสั่งหรือความจำเป็นที่จะต้องทำ (Necessity) เช่น
We must obey the laws of the country.
เราจะต้องเชื่อฟังกฏหมายของประเทศ

You must do as you are told.
คุณจะต้องทำอย่างที่ได้รับการบอกมา

2) ใช้แสดงการบอกเล่าที่ต้องการเน้นให้หนักแน่น แต่ไม่แสดงความจำเป็น เช่น

You must know that my father is very busy.
ท่านจะต้องรู้ด้วยนะว่า พ่อของฉันยุ่งมาก

He must know that he is a student of this school.
เขาจะต้องรู้ไว้ด้วยว่า เขาเป็นนักศึกาของโรงเรียนนี้

3) ใช้แสดงความตั้งใจหรือความแน่ใจของผู้พูด เช่น

Robert leaves Bangkok at not; he must be in Manila by 4 P.M.
โรเบิร์ทออกจากกรุงเทพฯเวลาเที่ยง เขาก็จะถึงมะนิลาเวลาบ่าย 4 โมงเย็น

I must finish this before I go to bed.
ฉันจะต้องทำสิ่งนี้สำเร็จก่อนที่จะไปนอน.

This must be what be means.
นี้จะต้องเป็นสิ่งที่เขาหมายถึงอย่างแน่นอน.

4) ใช้แสดงการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับความต้องการของผู้พูด เช่น

Every time I call on him, he must be busy.
ผมไปหาเขาทีไร เขาเป็นต้องไม่ว่างสักที

Just when the examination began, I must fall ill.

ทันทีที่การสอบไล่เริ่มมีขึ้น ผมเป็นต้องล้มป่วยลง

5) ใช้แสดงเหตุการณ์หรือพฤติกรรมที่จะต้องเกิดขึ้นกับมนุษย์หรือกับสิ่งอื่นใด ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น

Man must die. คนเราต้องตาย

Everything must come to an end.
ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมาถึงตอนจบ (ของมัน)

We must all become old.
พวกเรา(ทุกคน) ต้องแก่ชราภาพกันทั้งนั้น

6) ใช้แสดงการกระทำที่เป็นหน้าที่โดยตรง เช่น

We must pay taxes to our government.

เราจะต้องจ่ายภาษีให้กับรัฐบาลของเรา

Every citizen must help in time of war.
ประชาชนทุกคนต้องช่วยกันในยามมีสงคราม

7) ใช้แสดงการขอร้อง (ในสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้) เช่น

You must forgive me for that matter.
คุณจะต้องขออภัยผมสำหรับเรื่องนั้น

You must tell him I feel sorry for him.
คุณจะต้องบอกเขาด้วยนะว่า ผมมีความเสียใจกับเขาด้วย
หมายเหตุ : Must เป็น Present Tense (ปัจจุบันกาล) อย่างเดียว ไม่มีรูปอดีตหรืออนาคตเป็นของตนเอง แต่เมื่อต้องการใช้เป็นอดีตกาล (Past Tense) ให้ใช้ had to แทน หรือต้องการให้เป็นอนาคตกาล (Future Tense) ให้ใช้ will have to หรือ shall have to เช่น :

ปัจจุบัน : I must study the Buddhist philosophy.

อดีต : I had to study the Buddhist philosophy.

อนาคต : I shall have to study the Buddhist philosophy.

ฉันต้องศึกษาปรัชญาทางพุทธศาสนา