เรียนภาษาอังกฤษ Chapter 1 Grammar Review and Terminology

(ทบทวนไวยากรณ์และอธิบายศัพท์เฉพาะ)

ถาม: Part of Speech คืออะไร ? แบ่งออกเป็นกี่ชนิด อะไรบ้าง?

ตอบ : part of Speech แปลว่า “ส่วนแห่งคำพูด” หรือ “ชนิดของคำพูด” คำภาษาอังกฤษทุกคำที่เราเขียนหรือพูดอยู่ทุกวันนี้จะต้องเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของ Part of Speech ทั้งนั้นจะหนีพ้นไปไม่ได้ Part of Speech แบ่งออกเป็น 8 ชนิด ได้แก่ :-

1. Noun = นาม

2. Pronoun = สรรพนาม

3. Verb = กริยา

4. Adverb = คำวิเศษณ์ (หรือกริยาวิเศษณ์)

5. Adjective = คุณศัพท์

6. Preposition = บุรพบท

7. Conjunction = คำอุทาน

จะขออธิบายให้ทราบโดยสังเขปดังต่อไปนี้ :-

1.1 Noun แปลว่า “ชื่อ” ได้แก่ “คำที่เราใช้เรียกชื่อ คน, สัตว์, สิ่งของ, สถานที่, คุณสมบัติหรือคุณค่าต่างๆ” เช่น:-

คน เช่น Somyot, Sombat, Wilai, Suvimon ฯลฯ

สัตว์ เช่น Cat, Monkey, Elephant, Snake ฯลฯ

สิ่งของ เช่น Desk, Chair, Radio, Pencil ฯลฯ

สถานที่ เช่น Office, Town, School, Club ฯลฯ

คุณสมบัติหรือคุณค่า เช่น Truth, Wisdom, Goodness ฯลฯ

2.2. Pronoun แปลว่า “สรรพนาม” หมายถึง “คำที่ใช้แทน noun หรือพูดง่ายๆก็คือใช้แทนชื่อ คน, สัตว์, สิ่งของ, สถานที่, หรือคุณค่าต่างๆตามที่กล่าวมาแล้วนั้น ทั้งนี้เพื่อต้องการมิให้พูดหรือเอ่ยถึงชื่อคน, สัตว์, ฯลฯ เป็นต้นนั้นซ้ำๆซากๆ อันจะเป็นเหตุทำให้การฟังไม่ไพเราะเพราะหู”

Pronoun ได้แก่คำต่อไปนี้

I,We,You,He,She,It,They,Who,These,Each,One เป็นต้น นอกจากนี้ Pronoun ยังแบ่งออกไปได้อีกเป็น 2 พจน์ 3 บุรา 8 ชนิด ซึ่งจะได้กล่าวให้ละเอียดอีกครั้งเมื่อถึงบท Pronoun

3.3. Verb แปลว่า “กริยา” หมายถึง “คำหรือกลุ่มคำที่เป็นการแสดงออกของประธาน หรือแสดงภาวะ (being) ของประธาน” ดังนั้นคำที่เรามักได้ยินอยู่เสมอว่า Predicate of the Sentence นั้น บางครั้งอาจเป็น Verb ตัวเดียวก็ได้ หรือ Verb บวกกับคำอื่นๆก็ได้ เพื่อช่วยทำให้ประโยคนั้นมีความสมบูรณ์ขึ้น ได้แก่ is, have, do, read, wash, will have been seen, etc. เรียกคำเหล่านี้ว่า verb ทั้งนั้น

4.4. Adverb แปลว่า “กริยาวิเศษณ์” (บางอาจารย์ก็เรียกว่าคำวิเศษณ์) หมายถึง “คำที่ไปทำหน้าที่ขยาย Verb, ขยาย Adjective และขยาย Adverb ด้วยกันเองก็ได้ เพื่อให้เนื้อความของประโยคนั้นๆชัดเจนยิ่งขึ้น” ได้แก่

Well (ดี), slowly (อย่างช้า), hard (ลำบาก, หนัก) soon (ในไม่ช้า) เป็นต้น

5.5. Adjective แปลว่า “คุณศัพท์” ได้แก่ “คำหรือกลุ่มคำที่ช่วยทำให้ Noun หรือ Pronoun มีความหมายมากขึ้นหรือชัดเจนขึ้น” เช่น

Higher income (รายได้สูงขึ้น) Net price (ราคาขาดตัว)

A beautiful girl is wanted by everyone. ผู้หญิงสวยเป็นที่ต้องการของทุกคน เป็นต้น

6.6. Preposition แปลว่า “บุรพบท” คือ “คำที่ใช้เชื่อม Noun และ Pronoun เข้ากับคำอื่นๆที่อยู่ในประโยค ทั้งนี้เพื่อให้ใจความของประโยคกลมกลืนสละสลวยขึ้น” ได้แก่

In, on, at, by, from, toward, into, etc. เช่น

John is in the office. จอห์นอยู่ใน Office

We are from England by plain. เรามาจากประเทศอังกฤษโดยทางเครื่องบิน

7.7.Conjunction แปลว่า “สันธาน” คือ “คำที่ใช้เชื่อมคำต่อคำ (Words), วลี (Phrases), หรือ ประโยค (Clauses) ต่างๆ ให้เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน” ได้แก่

And, or, but, nor, since, although, white, เช่น

He plays but I learn. เขาเล่นแต่ฉันเรียน

8.8. Interjection แปลว่า “อุทาน” คือ “คำที่เราพูดออกมาด้วยอารมณ์หรือความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นมาจากจิตใจ ซึ่งจะอุทานออกมาเป็นคำเดียวก็ได้ หรือเป็นประโยคก็ได้” เช่น :-

Ah! อ้า, Nonsense! เหลวไหลน่า,

What a sad thing it! มันเป็นสิ่งที่เศร้าใจแท้ๆ

อนึ่ง ความละเอียดแต่ละหัวข้อของ Part of Speech นี้จะได้อธิบายในบทต่อๆไป ขอให้ทุกคนที่รักการ เรียนภาษาอังกฤษ ได้ศึกษากันอย่างละเอียดต่อไป อย่าเพิ่งเกียจคร้านง่วงเหงาหาวนอนกันเลย ต้องอดทน เพื่อให้ความรู้สึกหรือความคิดที่มีอยู่ในใจว่า “เรียนอังกฤษมาแล้วไม่ค่อยเข้าใจเลย” นั้นได้หมดไปเสียที