เรียนภาษาอังกฤษ เรื่อง ชนิดของ Adjective

ถาม : Adjective ในภาษาอังกฤษ แบ่งออกเป็นกี่ชนิดอะไรบ้าง?

ตอบ : Adjective ในภาษาอังกฤษแบ่งออกได้ 11 ชนิดคือ

1. Descriptive Adjective คุณศัพท์บอกลักษณะ

2. Proper Adjective คุณศัพท์บอกสัญชาติ

3. Quantitative Adjective คุณศัพท์บอกปริมาณ

4. Numberal Adjective คุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน

5. Demonstrative Adjective คุณศัพท์ชี้เฉพาะ

6. Interrogative Adjective คุณศัพท์บอกคำถาม

7. Possessive Adjective คุณศัพท์บอกเจ้าของ

8. Distributive Adjective คุณศัพท์แบ่งแยก

9. Emphasizing Adjective คุณศัพท์เน้นความ

10. Exclamatory Adjective คุณศัพท์บอกอุทาน

11. Relative Adjective คุณศัพท์สัมพันธ์

แต่ละชนิดมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1.1 Descriptive Adjective แปลว่า “คุณศัพท์บอกลักษณะ” หมายถึงคำที่ใช้แสดงลักษณะหรือคุณภาพของคน สัตว์ สิ่งของ และสถานที่ เพื่อให้รู้ว่า นามนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร ได้แก่คำว่า

Good, bad, tall, short, black, while, fat, thin, clever, foolish, poor, rich, brave, cowardly, pretty, ugly, happy, sorry, etc. เช่น

The rich man lives in the big house.

คนรวยอาศัยอยู่บ้านหลังใหญ่

A clever pupil can answer the difficult problem.

นักเรียนที่ฉลาดสามารถตอบปัญหายากได้

The black cat caught a small bird.

แมวตัวดำนั้นจับนกตัวเล็กได้

(rich, big, clever, difficult, black และ small เป็นคุณศัพท์บอกลักษณะ)

2.2) Proper Adjective แปลว่า “คุณศัพท์บอกสัญชาติ หรือ จะเรียกว่า วิสามัญคุณศัพท์ก็ได้” หมายถึง คำที่ไปขยายนามเพื่อบอกสัญชาติ ซึ่งอันที่จริงก็มีรูปเปลี่ยนแปลงมาจาก Proper Noun นั่นเอง ได้แก่

Proper Noun
(เป็นนามเฉพาะ)
Proper Adjective
(เป็นคุณศัพท์บอกสัญชาติ
คำแปล
England
English
อังกฤษ
America
American
อเมริกา
Thailand
Thai
ไทย
India
Indian
อินเดีย
Germany
German
เยอรมัน
Italy
Italian
อิตาลี
Japan
Japanese
ญี่ปุ่น
China
Chinese
จีน

เช่น

He employs a Chinese cook.

เขาจ้างกุ๊กชาวจีนคนหนึ่ง

Do you learn the French literature?

คุณเรียนวรรณคดีฝรั่งเศสหรือ

The English language is used by every nation.

ทุกๆ ชาติใช้ภาษาอังกฤษ

(Chinese, French, English เป็นคุณศัพท์บอกสัญชาติ)

3.3 Quantitative Adjective แปลว่า “คุณศัพท์บอกปริมาณ” หมายถึง คำที่ไปขยายนาม เพื่อบอกให้ทราบปริมาณของสิ่งเหล่านั้นว่า มีมากหรือน้อย (แต่ไม่บอกจำนวนแน่นอน) ได้แก่ Much, many, little, some, any, enough, half, great, all, whole, sufficient, etc. เช่น

He ate much rich at school yesterday.

เขาทานข้าวมากอยู่ที่โรงเรียนเมื่อวานนี้

She did not give any money to her brother.

หล่อนไม่ได้ให้เงินแก่น้องชายของหล่อน

Take great care of your health.

เอาใจใส่ต่อสุขภาพของคุณให้มากหน่อย

(much, any, great ในประโยคทั้ง 3 เป็นคุณศัพท์บอกปริมาณ)

4.4 Numberal Adjective แปลว่า “คุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน” หมายถึง คำที่ไปขยายนาม เพื่อบอกจำนวนแน่นอนนามว่ามีเท่าไร แบ่งเป็นชื่อย่อยได้ 3 ชนิด คือ

4.4.1 Cardinal Numberal Adjective คือ คุณศัพท์ที่ใช้บอกจำนวนนับที่แน่นอนของนาม ได้แก่ one, two, three, four, five, six, seven, etc. เช่น

My hand has five fingers.

มือของผมมี 5 นิ้ว

She gave me two apples and three mangoes.

หล่อนให้แอปเปิ้ล 2 ผล และมะม่วง 3 ผลแก่ผม

Wirat wants to buy seven pens.

วิรัติต้องการซื้อปากกา 7 ด้าม

(Five, two, three, seven เป็นคุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอนวางไว้หน้านาม)

4.4.2 Ordinal Numberal Adjective คือ “คุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อบอกจำนวนนับเป็นลำดับที่ของนามนั้นๆ ได้แก่ first, second, third, fourth, fifth, sixth, seventh, etc. เช่น

Thanu is the first boy to be rewarded in this school.

ธนูเป็นเด็กคนแรกที่ได้รับรางวัลในโรงเรียนนี้

Suvit won the third prize last month and the second one last week.

สุวิทย์ได้รับรางวัลที่ 3 เมื่อเดือนที่แล้ว และสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับรางวัลมที่ 2

I am the seventh son of my family.

ผมเป็นลูกคนที่ 7 ของครอบครัวของผม

(first, third, second, seventh เป็นคุณศัพท์บอกลำดับที่วางไว้หน้านาม

4.4.3 Multiplicative Adjective คือ “คุณศัพท์บอกจำนวนทวีของนาม” ได้แก่ double, Triple, Fourfold เช่น

Some roses are double.

ดอกกุหลาบบางดอกก็มีกลีบ 2 ชั้น

Buddha, Dhamma, and Sangha are triple gems.

พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ คือแก้ว 3 ประการ

(double, triple เป็นคุณศัพท์บอกจำนวนทวีของนาม)

5.5 Demonstrative Adjective แปลว่า “คุณศัพท์ชี้เฉพาะหรือนิยมคุณศัพท์” หมายถึงคำที่ใช้ชี้เฉพาะให้กับนามใดนามหนึ่ง ได้แก่ This, that (ใช้กับนามเอกพจน์) these, those (ใช้กับนามพหูพจน์) such, same เช่น

I invited that man to come in.

ผมได้เชิญผู้ชายคนนั้นให้เข้ามาข้างใน

She hated such things because they made her ill.

หล่อนเกลียดสิ่งเหล่านั้น เพราะมันทำให้เธอไม่สบาย

He said the same thing two or three times.

เขาพูดถึงสิ่งเดียวกันนี้ 2 หรือ 3 ครั้งแล้วมั้ง

(That, such, same เป็นคุณศัพท์ชี้เฉพาะวางไว้หน้านาม)

6.6 Interrogative Adjective แปลว่า “คุณศัพท์บอกคำถามหรือปฤจฉาคุณศัพท์” หมายถึง คุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อให้เป็นคำถาม โดยจะวางไว้ต้นประโยคและมีนามตามหลังเสมอ ได้แก่ What, which, whose เช่น

What book is he reading in the room?

เขากำลังอ่านหนังสืออะไรอยู่ในห้อง?

Which way shall we go?

เราจะไปทางไหนกันนี่?

Whose shoes are these?

นี่ร้องเท้าของใคร?

(What, Which, Whose เป็นคุณศัพท์บอกคำถาม อยู่ข้างหน้าประโยค)

7.7 Possessive Adjective แปลว่า “คุณศัพท์บอกเจ้าของหรือสามีคุณศัพท์ หมายถึง คำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อบอกความเป็นเจ้าของของนาม ได้แก่ my, our, your, his, her, its, และ their เช่น

This is my table. นี่คือโต๊ะของฉัน

Her book is on my desk. หนังสือของหล่อนอยู่บนโต๊ะผม

Our nation needs solidarity. ชาติของเราต้องการความสามัคคี

Their parents work hard every day. มารดาบิดาของเขาทำงานหนักทุกวัน

(My, her, our, their เป็นคุณศัพท์บอกเจ้าของวางไว้หน้านาม)

8.8. Distributive Adjective แปลว่า “คุณศัพท์แบ่งแยกหรือวิภาคคุณศัพท์” หมายถึง คำคุณศัพท์ที่ไปขยายนาม เพื่อแยกนามออกจากกันเป็น อันหนึ่ง หรือ ส่วนหนึ่ง ได้แก่ each (แต่ละ), Every (ทุกๆ), Either (ไม่อันใดก็อันหนึ่ง), Neither (ไม่ทั้งสอง) เช่น

The two men had each a gun.

ชาย 2 คนนี้มีปืนคนละกระบอก

Every soldier is punctually in his place.

ทหารทุกคนเข้าประจำที่ของตัวตรงเวลาดี

Either side is a narrow lane.

ไม่ข้างใดก็ข้างหนึ่งเป็นซอยแคบ

Neither accusation is true.

ไม่มีข้อกล่าวหาใดเป็นความจริง

(each, every, either, neither เป็นคุณศัพท์แบ่งแยกมาขยายนาม)

9.9 Emphasizing Adjective แปลว่า “คุณศัพท์เน้นความ” หมายถึง คุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อเน้นความให้มีน้ำหนักขึ้น ได้แก่ own (เอง), Very (ที่แปลว่า “นั้น, นั้นเอง, นั้นจริงๆ”) เช่น

She said that she had seen it with her own eyes.

หล่อนพูดว่าหล่อนได้เห็นมันมากับตาเธอเอง

He is the very man who stole my wrist watch last night.

เขาคือชายคนนั้นจริงๆ ผู้ซึ่งได้ขโมยนาฬิกาข้อมือของผมไปเมื่อคืนนี้

Supansa is my own girl-friend.

สุพรรษาคือแฟนของผมเอง

(Own, Very เป็นคุณศัพท์เน้นความขยายนามที่ตามหลังให้มีน้ำหนักขึ้น)

10.10 Exclamatory Adjective แปลว่า “คุณศัพท์บอกอุทาน” หมายถึง คุณศัพท์ที่ใช้ขยาย เพื่อให้เป็นคำอุทาน ได้แก่ What เช่น

What a man he is ! เขาเป็นผู้ชายอะไรนะเนี่ย !

What an idea it is ! มันเป็นความคิดอะไรกันหนอ !

What a piece of work he does ! เขาทำงานชิ้นไหนน่ะ !

(What ทั้ง 3 คำในประโยคเหล่านี้เป็นคุณศัพท์บอกอุทานนะครับ)

11.11 Relative Adjective แปลว่า “คุณศัพท์สัมพันธ์ หรือจะเรียกอีกอย่างว่า ประพันธ์คุณศัพท์ก็ได้” หมายถึง คุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามที่ตามหลัง และในขณะเดียวกันก็ยังทำหน้าที่คล้ายสันธานเชื่อมความในประโยคของตัวเอง กับประโยคข้างหน้าให้สัมพันธ์กันอีกด้วย ได้แก่ What (อะไรก็ได้), Whichever (อันไหนก็ได้) เช่น

Give me what money you have.

จงให้เงินอะไรก็ได้ที่คุณมีอยู่แก่ผมเถอะ

I will take whichever horse you don’t want.

ผมจะนำเอาม้าตัวที่คุณไม่ต้องการนั่นแหละไป

He will read what book he wishes.

เขาจะอ่านหนังสืออะไรก็ได้ที่เขาปรารถนา (จะอ่าน)

(What, whichever เป็นคุณศัพท์สัมพันธ์ ไปขยายนามที่ตามหลัง และในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เชื่อมความประโยคหน้าและประโยคหลังให้กลมกลืนกันอีกด้วย ท่องเอาไว้เป็นตัวอย่างซิครับเพื่อกันลืม)