การแปลรูปประโยค
     รูปประโยคหรือจะเรียกให้เข้าใจง่ายในอีกชื่อหนึ่งก็คือรูปทางไวยากรณ์ บางกรณีการสื่อความหมายของรูปประโยคก็ไม่จำเป็นจที่จะต้องสื่อความหมายในรูปตรงที่เห็นก็ได้ ในบางกรณีการสื่อความหมายกลับไกปในทางตรงกันข้ามเลยก็ได้ ในรูปประโยคในภาษาอังกฤษนั้น มีเพียงไม่กี่รูป แต่ก็มีสิ่งที่ต้องระวังมากมายเช่นกัน
     รูปประโยคต่าง ๆ
     หลักการของการแปลรูปประโยคนั้น เราก็ต้องทราบรากฐานของรูปแบบภาษาอังกฤษ โดยพื้นฐานรูปประโยคในภาษาอังกฤษ จะแบ่งรูปประโยคตามลักษณะของเวลาได้ดังนี้
1. Present Tense (ประโยคปัจจุบันกาล)             
    1.1 Present Simple
    1.2 Present Continuous
    1.3 Present Perfect
    1.4 Present Perfect Continuous
2. Past Tense (ประโยคอดีตกาล)
    2.1 Past Simple
    2.2 Past Continuous
    2.3 Past Perfect
    2.4 Past Perfect Continuous
3. Future Tense (ประโยคอนาคตกาล)
    3.1 Future Simple Tense
    3.2 Future Continuous Tense
    3.3 Future Perfect Tense
    3.4 Future Perfect Progressive Tense
     รูปประโยคของภาษาอังกฤษอย่างที่ดูข้างต้นจะแบ่งออกตามกาลโดยสามารถใช้กาลนั้นๆ แบ่งรูปประโยคออกมา แต่นอกจากจะแยกตามกาลแล้วนั้น ก็ยังแบ่งตามใจความอีกดังนี้
1. Passive voice ประโยคกรรม
2. Indirect Speech ประโยคถ่ายทอด
3. Conditional (If course) ประโยคเงื่อนไข
     สำหรับประโยคเหล่านี้เป็นการนำความหมายของรูปประโยคมาแบ่งรูปประโยคที่เกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่น รูปประโยค Passive voice (ประโยคกรรม) แม้จะเป็นลักษณะของประโยคที่แบ่งตามความหมาย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงมีลักษณะของกาลครอบอยู่เช่นเดิม ดังตัวอย่างได้แก่
I am interested in Japanese language.
ฉันสนใจภาษาญี่ปุ่น
A deer was killed by a tiger.
กวางถูกฆ่าโดยเสือ
This forest has been invaded by villagers for a while.
ป่านี้โดนบุกรุกโดยชาวบ้านมาได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว
He said he won’t come here anymore.
เขาพูดว่าเขาจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว
If i were you. I would leave him for long time.
ถ้าฉันเป็นคุณนะ ฉันคงทิ้งเขาไปนานแล้วล่ะ
     อย่างที่ได้ชมตัวอย่างไปบ้างแล้วนั่น ต่อไปก็จะลองมาศึกษาถึงลักษณะและใจความของแต่ละรูปประโยคกันเลยนะจ๊ะ โดยดูแต่ละประโยคให้ดีๆ น่ะว่าแปลว่าอะไรกันบ้าง