เรียนภาษาอังกฤษ (Sentences)

เมื่อเราพูดหรือเขียนเราต้องใช้คำต่างๆ ด้วยคำเหล่านี้เราพยายามที่จะทำให้คนอื่นๆ เข้าใจในสิ่งที่เราปราณนาที่จะพูด เราพยายามที่จะให้คำพูดของเราเข้าใจง่าย ในการพูดเราจะใช้คำต่างๆหลายคำรวบรวมให้เป็นประโยค ประโยคจึงหมายถึง “กลุ่มของคำซึ่งทำให้ได้ความหมายที่สมบูรณ์” ดังนั้นการพูดและเขียนจึงเป็นรูปของประโยค

บางครั้งประโยคอาจจะมีเพียงคำเดียวเท่านั้น แต่ความหมายนั้นชัดเจน เช่น

Stand. ยืน

Go. ไป

Run. วิ่ง

Stop. หยุด

ประโยคที่มีคำเพียงคำเดียวนี้โดยมากจะเป็นประโยคคำสั่ง แต่เพราะว่าความหายของมันนั้นมีความชัดเจน เราจึงเรียกมันว่าเป็นประโยค อย่างไรก็ตามกฎของรูปประโยคจะมีคำมากกว่าหนึ่งคำอยู่ในประโยค นั่นเป็นเพราะเรามักจะใช้คำหลายๆ คำเป็นกลุ่มคำและไม่ใช้คำๆ เดียวในแต่ละครั้ง เช่น

Jack is a cleaver boy.

แจ็คเป็นเด็กที่ฉลาด

The dog is a useful animal to man.

สุนัขเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์สำหรับมนุษย์

I am a girl.

ฉันเป็นเด็กผู้หญิง

James speaks English very well.

เจมส์พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก

เราเริ่มต้นประโยคด้วยอักษรตัวใหญ่และใส่จุด full stop (.) ที่ท้ายประโยค เรายังสามารถเขียนคำว่า”I” เป็นอักษรตัวใหญ่อีกด้วย

มีประโยคอยู่ 3 ชนิด คือ

1. ประโยคคำถาม (Question)

2. ประโยคคำสั่ง (Command)

3. ประโยคบอกเล่า Statement)

(a) เป็นประโยคที่ถามบางสิ่ง เรียกว่า “คำถาม” หรือ “ประโยคปุจฉา” เช่น

What is that? นั่นคืออะไร

Who are you? คุณเป็นใคร

How old is she? หล่อนมีอายุเท่าไหร่

ประโยคที่เป็นประโยคคำถามจะเริ่มต้นประโยคด้วยตัวอักษรตัวใหญ่และลงท้ายด้วยเครื่องหมายคำถาม (?) ไม่ใช่จุด Full stop (.)

(b) ประโยคเหล่านี้จะเป็นการให้ทำตามคำสั่ง เช่น

Come here. มานี่หน่อย

Sit down. นั่งลง

Please do not make a noise. กรุณาอย่าส่งเสียงรบกวน

Shut the door, please. กรุณาปิดประตู

เราใช้คำว่า please ช่วยทำให้คำสั่งนั้นสุภาพ

(c) ประโยคซึ่งไม่ได้ถามคำถามหรือเป็นการให้คำสั่ง เป็นประโยคบอกเล่า ซึ่งเป็นประโยคที่เพียงแต่เราบอกหรือเล่าบางสิ่งเกี่ยวกับบุคคลหรือสิ่งต่างๆ เช่น

I am not well. ผมไม่ค่อยสบาย

She is my sister. เธอเป็นน้องสาวของฉัน

This is a beautiful flower. นี่เป็นดอกไม้ที่สวย

ประธานและกริยา ก่อนที่เราจะเริ่มพูดหรือเขียนประโยค เราต้องรู้ว่าเราจะพูดเกี่ยวกับเรื่องอะไร เราจะพูดอะไรเกี่ยวกับคนหรือสิ่งนั้นๆ นั่นก็คือ ประธาน (Subject) ดังนั้นประโยคจึงสามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 ส่วน คือ

1. ประธาน (The subject)

2. กริยา รวมทั้งกริยาวิเศษณ์และกรรม ( The predicate)

ประธาน คือ คน หรือ สิ่ง ที่เรากำลังพูดถึง ส่วน กริยา คือ การกระทำของประธานนั้นๆ ลองดูประโยคเหล่านี้

Joe is crying. โจกำลังร้องไห้

The cat is drinking milk. แมวกำลังกินนม

That house is old. บ้านหลังนั้นเก่า

She is singing a song. หล่อนกำลังร้องเพลง

แต่ละประโยคสามารถแบ่งออกเป็นส่วนประธานและส่วนกริยาดังนี้

ประธาน กริยา

Joe is crying.

The cat is drinking milk.

That house is old.

She is singing a song.

เรารู้แล้วว่าทุกๆ ประโยคต้องมีส่วนประธานและส่วนกริยาในบางครั้งอาจจะไม่เขียนประธานแต่ละไว้ในฐานที่เข้าใจ ตัวอย่างเช่น ในประโยคที่มีคำเพียงคำเดียว ประธานคือ You ถูกละไว้ เช่น

Stand. หมายถึง You stand.

Sit. หมายถึง You sit.

เช่นเดียวกับประโยค “Come here” หมายถึง “You come here.”